วันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2560

Columbia Trail Masters Episode XII เขาอีโต้ ปราจีนบุรี

Columbia Trail Masters Episode XII ( Kao Ito Prachinburi)

หลังจากจบงานวิ่งเทรลเขาใหญ่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว(2016) ซึ่งเป็นงานสุดท้ายของปีและของเรา มาปีนี้เรามุ่งมั่นตั้งใจว่าจะลงให้ได้อย่างน้อย 5 งาน (ปี2016 ได้ 4 งาน) เราหวังลึกๆ ในใจว่าเราจะแกร่งขึ้น อึดขึ้น ทนและถึกขึ้นมากกว่านี้ เพราะเราจะลงสมัครระยะที่เพิ่มขึ้น คือ 25km. ในงานของ Columbia Trail ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2017 นี้


เราได้ยินชื่องาน Columbia มาสักพัก เค้าว่าเป็นงานวิ่งเทรลที่ยอดเยี่ยม ผู้จัดเป็น Professional และสินค้า อุปกรณ์การวิ่งของ Columbia ก็เป็นระดับนานาชาติ เราจึงรองานนี้มาสักพัก พอเปิดสมัครปุ๊บเราก็ไม่รีรอ ทำการสมัครทันที ค่าสมัคร 1,200 บาท สำหรับระยะ 25 km. สถานที่อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ ปราจีนบุรี-นครนายก

งานนี้เราตัดสินใจซื้อรองเท้าเทรลโดยเฉพาะ โดยเราเลือก Altra เป็นรองเท้าเทรลคู่แรกในชีวิต (สัญญากับเจ้า Reebok คู่เก่งไว้ว่าจะไม่พาลงสนามเทรลอีกแล้ว)โดยเราไปวนดูที่ Shop Emporium มาครั้งหนึ่ง แล้วถูกใจรุ่น Lone Peak 3.0 รุ่นใหม่ล่าสุด สีชมพู ลายๆ สวยมาก ใส่แล้วเบาสุดๆ ที่สำคัญรองเท้าแบรนด์นี้มีดีสำหรับคนเท้าบานๆอย่างเรา กล่าวคือ รองเท้าเค้าออกแบบมาให้มีพื้นที่หน้าเท้ากว้างให้นิ้วไม่เบียดกัน ใส่สบาย นิ้วขยับได้ ว่างั้น...และเป็นรองเท้าแบบ Zero Drop  ซึ่งพื้นรองเท้าจะเสมอกันไม่สูง ไม่ต่ำ เหมือนรองเท้าวิ่งทั่วไป กล่าวคือ ความสูงที่ส้นเท้าจะเท่ากับหน้าเท้า และเราอาจจะต้องปรับท่าวิ่งไปตามรูปแบบรองเท้าด้วยเช่นเดียวกัน ราคาห้าพันกว่าๆ แต่ก็ตัดใจจะเอา 55 เพราะเรามีปัญหาเรื่องนิ้วเบียด ฮ่อเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน แล้วทำไมล่ะ เราถึงจะไม่เลือกรองเท้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรา เพื่อแก้ปัญหากวนใจนี้ออกไป

ลองเข้าเวบของ Altra ดูอีกที เอ๊ะนี่!!รุ่นอื่นก็มี เป็นรุ่นเก่าลด 50% เป็นรุ่น Superior 2.0 ไม่แพง น่าจะดีเหมือนกัน เอาเป็นว่าหน้าเท้ากว้างเป็นพอ เลยสั่งออนไลน์โดยตรง แต่ปรากฏว่า ตอนส่งมาให้เรา ทาง Altra Thailand ส่งมาให้ผิดรุ่น กลับส่งรุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งยังไม่เปิดตัวมาให้ ราคาเท่ากับ Lone Peak ที่ไปดูมาที่ shop มา แล้วด้วยความซื่อสัตย์ของเรา ก็แจ้งเค้าว่าส่งมาผิด แต่เห็นแล้วต้องชะตา ไม่ขอส่งคืนล่ะกัน ขอเพิ่มเงินแทน สรุปได้ของแพงเหมือนเดิม เลี่ยงไงก็เจอ..



Altra Superior 3.0 (Women)
ไม่แค่รองเท้าน่ะสิ เรายังหาซื้อเป้น้ำมาอีก 1 ใบ กะว่างานนี้วิ่งระยะมากขึ้น อุปกรณ์เหล่านี้มันเริ่มที่จะจำเป็นขึ้นมาแล้วล่ะ แล้วจัดมาแบบราคาไม่แรง เอาที่ใช้งานได้ดีก็พอ ..เบี้ยน้อยหอยน้อยต้องค่อยเป็นค่อยไป^^

เราใส่รองเท้าคู่นี้ฝึกวิ่งอยู่กับที่ในบ้าน วันละเกือบ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ชินกับเท้า หากจะเอาไปวิ่งข้างนอกตามสวน มันก็หนึบมากตอนวิ่งกับพื้นถนน แบบว่าพื้นมันเกาะดิน ทรายดี แต่เกาะพื้นถนนแล้วหนึบเกินไป ก็เค้าออกแบบมาสำหรับเทรลนี้เนอะ

พอใกล้วันเดินทาง ทาง Columbia แจ้งว่าขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่จัดงานจากอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ มาเป็น กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 2 เขาอีโต้ ซึ่งไม่ไกลกันมาก ....
วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ เราออกเดินทางมาถึงกรมทหาร ค่ายเค้ากว้างมากๆ จอดรถได้หลายร้อยคัน และเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบทหารๆ ดีจัง เป็นระบบระเบียบดี ...อากาศร้อนมาก รีบรับ BIB  รับเสื้อ นั่งดื่มกาแฟในงาน มองโน่น มองนี่ ได้สอยรองเท้าลำลองมาอีกคู่เฉยเลย สักพักก็กลับที่พัก


ดูไม่เป็นหรอก ความชัน ความไม่ชัน ชี้ไปงั้น


25 Km. เบาๆ (เหรอ)
 
คืนก่อนวันจะวิ่ง เรานอนดึก 00:00 เห็นจะได้ ตื่นมาตี 3 เลยไม่ค่อยสดใส รู้สึกอึนๆ อ่อยๆ แปลกๆ ..แต่ก็มิได้นำพา ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมความพร้อมกับเสื้อผ้า หน้าและของที่จะพกใส่เป้ไปเพิ่มพลังระหว่างทางวิ่ง ...............เราไปถึงงานตี5 เนื่องจากระยะ 25km. ปล่อยตัว 6:30 เช้า จึงได้warm ร่างกายได้ค่อนข้างเต็มที่ เพราะหากยืดเหยียดกล้ามเนื้อได้ไม่เพียงพอ อาการบาดเจ็บก็จะตามมาแน่นอน(เคยมีประสบการณ์แล้วนิ เลยไม่อยากเสี่ยงอีก)
 
06:30 เสียงแตรดัง ทำเราหึกเหิมอีกครั้ง เราวิ่งชลอๆ เบาๆ ออกจากจุด start โดยมีกำลังใจจากหนุ่มข้างกายที่มาด้วย ยืนอยู่ข้างสนาม ซึ่งเป็นงานแรกเลยนะที่เค้ายอมมากับเรา เพียงเพราะเราหวังให้เค้ารู้สึกอยากวิ่งบ้างเมื่อเห็นบรรยากาศงานวิ่ง แต่...ก็มิได้นำพา :( 
 
เราวิ่งผ่านบ้านพักข้าราชการทหาร ผ่านลานกว้างๆ โล่งๆ ผ่านอาคารต่างๆ ภายในค่าย แล้ววิ่งเข้าสู่โซนธรรมชาติที่เรียกว่าป่า และวิ่งขึ้นไปบนเขาอีโต้  เราkm.ที่ 5 เราวิ่งผ่านจุดให้น้ำจุดแรกไป เพราะยังไม่หิวน้ำ (จุดให้น้ำมีทุก 5km.) ช่วง10 km แรก เราใช้เวลา ประมาณ 50 นาที ถือว่าใช้ได้ แต่หลังจากนี้ อาการล้าเริ่มมาบ้างแล้ว พอ km.ที่11 เป็นต้นไป การขึ้นเขามันยากขึ้นมาทันที แม่เจ้าปะคุณเอ้ย!! ช่วงแรก เราวิ่งขึ้นนะ แต่ยิ่งวิ่งก็ไม่มีจุดสิ้นสุด แหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบน โอีย!! จะต้องขึ้นไแต่หลังจากนี้ อาการล้าเริ่มมาบ้างแล้ว เราวิ่งผ่านจุดให้น้ำจุดแรกไป เพราะยังไม่หิวน้ำ (จุดให้น้ำมีทุก 5km.) พอ km.ที่11 เป็นต้นไป เริ่มวิ่งขึ้นเขา แม่เจ้าปะคุณเอ้ย!! ตอนขึ้นเขาช่วงแรก เราวิ่งขึ้นนะแบบว่าโชว์ให้เห็นว่าฉันนี่ฟิตนะ แกร่งนะ แต่สักพักเดินขึ้นล่ะ เพราะยิ่งวิ่งก็ไม่มีจุดสิ้นสุด พึมพำกับตัวเอง ว่าจะถึงจุดพักตอนไหนว่ะ มันทั้งชันทั้งสูง แหงนหน้ามองขึ้นไป ยิ่งหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ ซึ่งต่างจากเขาประทับช้างเลยล่ะ คนละแบบเลย เขาอีโต้มันแบบเป็นทางดินชันๆ ขึ้นไปสูงๆ ทางไม่กว้างมาก วิ่งขึ้นได้ทีละคน  มีหินให้เหยียบปีนขึ้นไปเรื่อยๆ นักวิ่งขาแรงหลายคนถึงกับยืนกอดต้นไม้ไว้เลย เพื่อทำสมาธิและหายใจให้เต็มปอดก่อนจะไต่ไปให้ถึงยอดเขา เอาเป็นว่าปีนจนปวดขาเลยทีเดียว แต่โดยรวมแล้วสนุกดีนะ เราว่า....
 
พอวิ่งเข้าสู่ km ที่15 ได้ยินวิทยุสื่อสารเจ้าหน้าที่ ว่ามีนักวิ่งขอ DNF (Did Not Finish) ไม่รู้แปลถูกป่าวนะ รู้แต่ว่าขอออกจากการแข่งขัน คิดว่าคงวิ่งขึ้นเขาไม่ไหวแน่ๆ เพราะเห็นเพื่อนร่วมทาง2-3 คน ยืนขาแข็ง แล้วอุทานแรงๆ ว่า โห้ย!!ไม่ไหวว่ะ ไม่ไหวแล้วเนี่ย คือหน้าพี่เค้าก็ไม่ไหวแล้วจริงๆ อ่ะน่ะ
 
เราได้ยินดังนั้น เลยตั้งใจไม่ขอร่วม DNF กับเค้า เจ็บยังไงก็ขอเข้าเส้นชัยให้ได้ล่ะกัน
Cr. ShutterRunning นี่ไง ขาเริ่มก้าวไม่ออกแล้ว
 
 เรารับน้ำเกลือ ในจุดให้น้ำที่ 2 และรับทุกจุดหลังจากนั้น เกลือแร่สีเขียว สีฟ้า สีแดง ดื่มหมด แถมเบิ้ลไปอีก กรอกใส่ขวดไปดื่มระหว่างทางอีก ทั้งหมด 4 ขวดที่ดื่มไป ผลคือ ......... มือตัวเอง บวม แดง ขาก็บวม เท้าบวม ไอ้หยา!! มีเกลือแร่ในร่างกายมากไป แย่แล้วเรา อย่างนี้หน้าก็บวมด้วยสิ ตาย ตาย! เราจะเข้ากล้องแล้วนิ หน้าบวมไม่สวยสิ (ไม่ได้ห่วงร่างกายเท่าไหร่!! ห่วงสวยล้วนๆ)
หน้าบวมแล้ว หนักขาด้วย
 
ระหว่างวิ่งเราก็นึกในใจ ว่านักวิ่งคนอื่นในระยะเรา เค้าเข้าเส้นชัยกันไปแล้วกี่คนหว่า เราจะเป็นคนที่เท่าไหร่นะ แต่คงไม่ใช่คนสุดท้ายแน่นนอน เพราะเห็นนักวิ่งด้านหลังในระยะเดียวกันยังมีอยู่หลายคน เอาว่ะ!! ไปให้ถึง ภาวนาว่า เข่าจ๋าอย่าเพิ่งเจ็บ

อ่อ..เราลองซื้อที่รัดเข่าเพื่อกันการบาดเจ็บมาใช้ด้วย (เห็นเค้าใช้กันเยอะ) แต่ใส่ด้านขวาด้านเดียว เนื่องจากเราไม่เคยใช้เลยซื้อมาทดลอง 1 ข้าง ผลคือ ดี เลยทีเดียว เราไม่มีอาการเจ็บจี๊ดเลยในขาข้างนั้น แต่เริ่มเจ็บข้างซ้ายแทน(ข้างที่ไม่ได้ใส่) ตอนวิ่งสไลด์ตัวลงเขาระยะไกล (คิดได้ไงนะแก ซื้อมาข้างเดียว แกไม่ได้มีขา 2 ข้างเหมือนชาวบ้านเค้าเรอะ - -")

สนามนี้ รากไม้ ตอไม้เยอะมากๆ วิ่งสนามนี้ต้องมีสมาธิจับจ้องที่ทางให้ดี ไม่งั้นมีสะดุดหน้าแหก เหมือนพี่นักวิ่งชายคนข้างหลังเรา เค้าหันไปคุยกับเพื่อนแบบเดียว ล้มกลิ้งเลย ดูแล้วตอไม้เหล่านี้นี้ เป็นตอไม้ที่เจ้าหน้าที่เค้ามาตัด ถางออก เพื่อใช้เป็นทางเดิน ทางวิ่ง ซึ่งมีอยู่ตลอดเส้นทาง เอาเป็นว่ารองเท้า Altra เราที่ว่าทนๆ พื้นบิ่นไปพอสมควรเลยแหละ

อยู่ต่อหน้ากล้อง ต้องใส่ feeling super power

 
ใกล้ถึงแล้วๆ วิ่งเลาะๆ ทางถนนในค่ายมา แล้ววิ่งเข้ามาในป่าอีกครั้ง ข้างในจะเห็นเป็นฐานฝึกของค่าย มีเชือกปีนป่าย เป็นสะพาน ระโยงระยาง คล้ายๆ กับฐานฝึกลูกเสือ ตอนสมัยเรียนยังงั้นล่ะ... ข้างหน้าเรามีสามสาวฟิลิปปินส์คุยภาษาตากาล็อกกันตลอดทาง ตั้งแต่ตอนเริ่ม start มาแล้ว แต่ตอนนี้พวกนางเดินเอาแล้ว เพราะเพื่อนนางคนนึงเจ็บขา เดินได้อย่างเดียว อ่ะ งั้นเราขอแซงไปก่อนล่ะนะ บ๊ายยยยย...

จากนั้นเราก็ค่อยๆ วิ่งเยาะๆ เรียบอ่างน้ำในค่าย แล้ววิ่งเข้าสู่เส้นชัยอย่างสวยงาม โดยมีหนุ่มยืนให้กำลังใจอยู่ที่ปลายทาง
เรารู้สึกดีมากกับการวิ่งเข้าเส้นชัยครั้งนี้ เพราะหน้าเราไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ และขายังมีแรงวิ่งได้อยู่ สภาพเราตอนก้าวเข้าเส้นชัยดูดีกว่าทุกครั้งจริงๆ
25 KM. สำเร็จแล้ว
 
Race Result
 
งานนี้เราดีใจ ที่ Overall เราได้เป็นลำดับครึ่งหนึ่งพอดี ของนักวิ่งชายหญิงทั้งหมด และได้ในระดับที่ไม่ขี้เหร่นักในรุ่นอายุ และเพศ มันทำให้เราอยากพัฒนาตนเองให้ได้ดีกว่านี้ในครั้งหน้า
 


Happy Race Day

งานนี้เราได้ประสบการณ์ที่ดี ความสนุก ฝึกความอดทน และค้นพบว่า การเพิ่มระยะอีก 4 km. ก็ไม่ได้จะทำให้เราเหนื่อยมากกว่าที่่คิดเท่าไหร่ เพราะเราคิดว่าเราเลือกอุปกรณ์มาช่วย support ได้ดี เช่นครั้งนี้เราไม่ได้ใส่รัดน่อง แต่อุปกรณ์รัดเข่าที่มีอันเดียวนี้(- -") ก็ช่วยเราไม่ให้บาดเจ็บได้เยอะเลย และ ...รองเท้าเทรลคู่ใหม่นี้ มีประโยชน์มากในเรื่องหน้าเท้าที่กว้างของเรา นิ้วไม่บวม ไม่ฮ่อเลือด ไม่เจ็บ เหมือนทุกครั้ง ดีงามพระราม 6^^ส่วนเป้น้ำ เราไม่ได้ใส่ถุงน้ำ แต่ใช้แค่ขวดน้ำขวดเดียว อีกข้างใส่มือถือแทน ..แต่งานหน้ากะว่าจะใช้ถุงน้ำด้วยแล้วล่ะ



Event  :  Columbia Trail Masters Episode XII
Date    :  26 February 2017
Place   :  Kao Ito(Prachinburi-Nakorn Nayok)
Finished Time : 4:38 hrs.


งานหน้าเจอกันเขาประทับช้างเทรล 2017 เดือนมิ.ย นี้(ลงวิ่งระยะเดิม เพิ่มเติมคือวิ่งคนเดียว)

BYE...
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น