ว่าตามจริง เราเคยไปมาแล้วล่ะ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เนี่ย ไปมา 2 ครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยขับรถไปเอง เนื่องจากยังขับรถไม่เป็น ไม่มีใบขับขี่ และยังไม่มีเพื่อนที่จะไปด้วยกัน
เแต่การเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้เรามีเพื่อนร่วมทางเราเป็นพี่ๆ และเพื่อนในที่ทำงานที่อยากไปพักผ่อนด้วยกัน เราจัดการจองบ้านพักอุทยานโซนทิวทัศน์ จองผ่านหน้าเวบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช http://nps.dnp.go.th/ ได้เป็นบ้านพัก 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคา 2,000 บาท แล้วจัดการชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทยก็เป็นอันว่าเรียบร้อย
ทั้งนี้เราบอกสมาชิกในทีมแล้วว่า เราจะพาไปด้วยรถกระบะของเรา และเราเป็นผู้ขับ ซึ่งจะพาขึ้นเขาเป็นครั้งแรกนะ ok มั้ย พวกนางบอก ok ไม่มีปัญหา..อิอิ ตามนั้น รอเดินทางกันได้เลย
วันเดินทางของเรา คือ เสาร์ที่ 16 กค. 59 นัดพี่ๆ มานั่งรอป้ายรถเมล์แถวบ้าน แล้วแวะรับพวกนาง มุ่งตรงไปยังเขาใหญ่ทันที ขับรถไปเองสนุกดี พูดคุยกันไปด้วยระหว่างทาง ขำๆ ...ช่วงแรกๆ ที่เราเริ่มขับรถเป็น เราไม่สามารถคุยกับใครได้เลยนะ เพราะต้องใช้สมาธิขั้นสูงในการบังคับพวงมาลัยและดูเส้นทาง แต่ตอนนี้สบายแล้ว ......เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพถึงเขาใหญ่ เนื่องจากเราหลงเข้าไปใน อำเภออะไรสักแห่ง แล้วต้องหาทางออกเพื่อลัดไปถนนธนะรัชต์ แล้วขึ้นเขาใหญ่ ที่ด่านปากช่อง และไม่นานเราก็ถึงที่หมาย เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท ค่ารถสี่ล้อ อีก 50 บาท
เราแวะไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่กันก่อน ซึ่งห่างจากด่านเขาใหญ่ประมาณ 200 เมตร ซึ่งอยู่ทางขวามือของเรา ..ประวัติของท่านนั้น สามารถหาอ่านได้จากเวบไซค์เลยนะค่ะ หรือถ้าจะให้ดีไปยืนอ่านหน้าศาลจะดีกว่า จะได้ไปสัมผัสธรรมชาติที่นั่นด้วย
![]() |
หน้าศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ |
เราค่อยๆ ออกตัว แล้วไต่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ พอถึงทางโค้งก็ค่อยๆ แตะเบรคแล้วเลี้ยวดีๆ ซึ่งใช้สมาธิพอสมควร เพราะหากวอกแวกหรือหันไปคุยกับเพื่อนนี่นะ อาจมีหลุดโค้งได้เลย..
สมาชิกในรถทุกคนนั่งกันเงียบกริบ ไม่ค่อยมีใครคุยกันเลย ระหว่างนี้ เหมือนทุกคนก็ใช้สมาธิไปด้วย ..ขำดี
เราผ่านโค้งมาหลายโค้ง มีทั้งชันและไม่ชัน โค้งหักศอกก็มี สำหรับเราแล้วที่เรากลัวคือ เวลาที่มีรถสวนมาแต่ละคันเค้าขับกันเร็วมาก ทั้งที่อุทยานกำหนดให้ขับบนเขาความเร็วไม่เกิน 60 แต่เค้าก็ยังคงขับเร็ว บางคันก็กินเลนเข้ามาเยอะ ทำให้เรารู้สึกว่าอุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ ไม่เฉพาะกับผู้ใช้ถนนด้วยกัน และยังหมายรวมถึงเหล่าสัตว์ป่านานาชนิดที่อาจวิ่งข้ามถนน หรือเดินเล่นอยู่ตามทาง ซึ่งเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับการขับรถทับ ขับรถชนสัตว์ป่าบนเขาใหญ่..แต่นักซิ่งตีนผีเหล่านั้นก็มิได้พึงสังวร
ถึงแม้จะมีรถขับมาตามหลังเราหลายคัน และหลายครั้งที่พวกเขาพยายามจะแซงเรา แต่ไม่มีโอกาส เนื่องจากทางบนเขานั้นมีโค้งตลอดเส้นทาง และมีรถสวนมากระทันหัน แต่เราหาได้สนใจไม่ เราคิดว่าการที่มาท่องเที่ยวแบบนี้ คุณจะรีบไปไหนกันหรือ คุณไม่ได้มาชื่นชม ดื่มด่ำกลิ่นอายธรรมชาติหรอกหรือ ถึงได้รีบร้อนกันนัก ...แต่ก็นะ เค้าอาจจะรีบไปลงด่านฝั่งเนินหอม ทางนครนายกก็ได้ เพราะรถหลายคันใช้ถนนธนะรัชต์ที่ตัดผ่านบนเขาใหญ่นี้ เป็นทางผ่านเพื่อไปลงอีกด่าน เรียกว่าด่านชนด่าน(แต่ก็ไม่ควรรีบมากไปแบบนี้ มันอันตราย)
และแล้วเราก็มาถึงจุดนี้..ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ อุณภูมิก็ 24.7 องศา เย็นๆ สบายๆ เราติดต่อรับกุญแจห้องพัก มีค่ามัดจำกุญแจ 500 บาท พร้อมจองรถส่องสัตว์ด้วย รอบ 2 ทุ่ม แบบเหมาคันละ 500 บาท ทางเจ้าหน้าที่จะมารับที่หน้าที่พักค่ะ (ยิ่งไปหลายคนยิ่งหารกันถูกลง)
ปล. รอบส่องสัตว์ มี 2 รอบนะค่ะ 1 ทุ่ม และ 2 ทุ่ม
เราแวะทักทายน้องกวางตัวใหญ่ ซึ่งจะมีเดินเล่นอยู่ทั่วไปบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว กวางเหล่านี้คุ้นชินกับคนและรถ เค้าชอบมาหาอาหารกิน คุ้ยขยะ นักท่องเที่ยวบางคนชอบยื่นอาหารให้ ทำให้เค้าติดใจในรสชาดของอาหารที่ไม่ควรเป็นอาหารของเค้า กวางหลายตัวกินถุงพลาสติก ห่อขนม ทำให้อุดตันทางเดินอาหาร แล้วเสียชีวิตในที่สุด จึงไม่ควรอย่างยิ่งนะค่ะ หากไปเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ ไม่ต้องให้อาหารสัตว์ป่า เพราะเค้ามีอาหารการกินของเค้าอุดมสมบูรณ์อยู่แล้วในป่าค่ะ
![]() |
อากาศเย็นๆ สบายๆ |
![]() |
มาถึงแล้วนะเออ |
![]() |
ก่อกวน กวางกำลังจะงีบ |
![]() |
แอร๊ !มาถ่ายไรตูหว้า |
![]() |
ไม่กลัวกวางเลยนิ |
พวกเราเลยรีบเก็บภาพความประทับใจแล้วไปเดินเล่นน้ำตกกองแก้วซึ่งอยู่ด้านหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกันต่อ ซึ่งเราต้องเดินข้ามสะพานไม้ แล้วเดินเข้าสู่ป่าลัดเลาะไปเจอกับน้ำตกกองแก้ว ทางนั้นเป็นทางที่เจ้าหน้าที่ปูหิน ปูซีเมนซ์ไว้ให้แล้ว เดินสบาย แต่หลายกิโลอยู่ เล่นเอาเหนื่อยหอบกันเลย ..ธรรมชาติตามทางเดินนั้นชุ่มฉ่ำ อุดมสมบูรณ์มาก เพื่อนเราตะโกนบอก มาดูบุ้งตัวใหญ่ สีแดง ขนยาวเหมือนหมาชิสุ แถมใส่รองเท้าสีขาวอีกต่างหาก โอ๊ยๆๆน่ากลัว กลุ่มฝรั่งที่เดินไปก่อนหน้าตะลึงกับเจ้าบุ้งตัวนี้มาก ยกกล้องถ่ายภาพ ยกให้นางเป็นนางแบบประจำป่าไปเลย
![]() |
เริ่มเมื่อยล่ะ เดินมาไกลล่ะ |
![]() |
วันนี้วันหวยออก เพื่อนร่วมทางกังวลอยู่กับตัวเลขตลอดเวลา |
![]() |
บ้านพักก็โอเค |
![]() |
มีกระโจมนั่งเล่น |
![]() |
นกเงือกมาเกาะต้นไม้หน้าบ้านเลย ดูสิธรรมชาติแค่ไหน |
![]() |
โชคดีที่ได้เห้นค่ะ |
![]() |
Love เลย |
![]() |
โลกนี้เป็นของเรา |
เรานั่งรอเจ้าหน้าที่มารับไปส่องสัตว์ 1 ทุ่ม 45 นาทีก็มารับแล้ว อากาศบนเขาเย็นมากๆ รถส่องสัตว์เป็นรถกระบะ เปิดหลังคา มีราวเหล็กกั้นมีที่นั่ง สบายๆ เจ้าหน้าที่ก็ส่องไฟฉายกำลังสูงไปตามต้นไม้ หากแสงไฟส่องไปโดนดวงตาของสัตว์จะสะท้อนให้เราเห็นวาวๆ เราก็จะรู้ว่าสัตว์ตัวนี้อยู่ตรงนี้นะ และเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายว่า นี่คือสัตว์ชนิดไหน กินอะไรเป็นอาหาร เป็นต้น
เราอยากเห็นช้างมากเลย ไม่ใช่ไม่เคยเห็น ไม่ใช่ไม่รู้จัก แต่อยากเห็นเค้าบนเขาใหญ่ ในอุทยาน ในเวลาค่ำคืนแบบนี้บ้าง ....สรุปก็ได้เห็นจริงๆ ยืนกินใบไม้อยู่ไกลๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ ตัวเค้ามีโคลนขาวๆ พอกไว้เต็มตัวเลย...น้องเจ้าหน้าที่บอกว่า พวกเราโชคดีที่ได้เห็นช้างคืนนี้ ...........รถแล่นไปช้าๆ แต่เริ่มเปลี่ยนจากความเย็นเป็นความหนาวแล้ว หนาวจนปากสั่น นี่ขนาดใส่เสื้อกันหนาวนะเนี่ย 55 ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ส่งกลับที่พัก...
ตอนเช้าเราจัดการ check-out แล้วไปถ่ายรูปกันที่อ่างเก็บน้ำสายศร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางไปบ้านพัก แวะขึ้นไปน้ำตกเหวสุวัต ซึ่งทางไปน้ำตกนั้น โค้งหักศอกมีหลายโค้งเลย แต่เราขับขึ้นมาได้ถือว่า ok.
![]() |
ริมอ่างเก็บน้ำ |
![]() |
ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก |
![]() |
ยืนใกล้ๆ เย็นสบายแบบบอกไม่ถูก |
เห้อ!!ได้เวลากลับแล้ว ทริปนี้เราสนุกมาก เนื่องจากได้ขับรถเองตะลอนๆ อยู่บนเขา ถึงแม้จะไม่ได้ไปทุกที่ เช่น ผาเดียวดาย น้ำตกเจตคต ยอดเขาเขียว ฯลฯ แต่เราก็ภูมิใจในตัวเองที่ขับรถอย่างมีสติ รักษาชีวิตเพื่อนร่วมทริป และกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัย
อ่อ..ขากลับเราแวะ ไร่สุวรรณ และทานเสต็กกันที่ Daily Home อร่อยใช้ได้
และเพื่อคลายข้อสงสัย ขากลับเราถามเพื่อนร่วมทาง ทำไมนั่งเงียบกันจังเลย ตอนขึ้นเขา ทำไรกันอยู่ ..พวกนางบอกว่า พวกพี่หาที่จับกันอยู่ มือหนึ่งเกาะประตู มือหนึ่งจิกเบาะ พร้อมกลั้นหายใจ ...กลัวไม่ได้กลับบ้าน 55+(แต่ยังไงก็ขอบคุณพวกนางที่ไว้ใจเรา โดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง)
การขับรถขึ้นเขาใหญ่ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพียงแต่ใช้สติ คำนึงถึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นที่ใช้ทางร่วมกัน ไม่ว่าคนหรือสัตว์ และสำคัญต้องไม่ขับรถเร็วบนเขาค่ะ ...
หากใจไม่กล้าตั้งแต่ครั้งแรก แล้วจะมีได้อย่างไรเล่า คำว่า"ประสบการณ์"
----------------------------------------------------------------
Good memory Good experience
@ Khao Yai Trip : 16-17 July 2016
เหมียวลาย